ผลของการให้คำปรึกษาด้านโภชนาการรายบุคคลแบบมีส่วนร่วม
ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ที่มีระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงสีแดงจากปิงปองจราจร 7 สี
วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อศึกษาผลของการให้คำปรึกษาด้านโภชนาการรายบุคคลแบบมีส่วนร่วมในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ที่มีระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงสีแดงจากปิงปองจราจร 7 สี ในโรงพยาบาลเสนางคนิคม ประชากรและ
กลุ่มตัวอย่าง
ประชากรที่ศึกษา คือผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับ
บริการที่คลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลเสนางคนิคม จำนวน 86 คน สุ่มเลือกโดยมีเกณฑ์คัดเข้าและคัดออก ดังนี้
เกณฑ์คัดเข้า
1. เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ที่มีระดับน้ำตาลอยู่ในช่วงสีแดงจากปิงปองจราจร 7 สี (Fasting
blood sugar ≥182 mg/dl) จำนวน 2 ครั้งติดต่อกัน
3. เป็นผู้ที่มีปัญหาการควบคุมอาหาร
เกณฑ์คัดออก
1. มีภาวะแทรกซ้อน หรือโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมการวิจัยเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตระยะ 4-5 เป็นต้น
ขั้นตอนการวิจัย
ครั้งที่ 1
1. สัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไป
2. บันทึกผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar: FBS) ก่อนการทดลอง
3. สอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
4. ค้นหาปัญหาร่วมกับผู้ป่วย
5. ให้ความรู้เกี่ยวกับผลดีของการควบคุมอาหารและผลเสียของการไม่ควบคุมอาหาร
6. ให้คำปรึกษาและวางแผนการบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย โดยการ
เสริมสร้างแรงจูงใจ ให้กำลังใจ และให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการควบคุมด้วยตนเอง
7. บันทึกปัญหาและเป้าหมายลงในสมุดคู่มือเบาหวาน
8. ให้สื่อแผ่นพับ ตัวอย่างอาหาร/เครื่องดื่ม และใบกำหนดอาหารเพื่อ
ครั้งที่ 2
1. บันทึกผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar: FBS)
2. ติดตาม ทบทวนความรู้/สอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ปัญหา/อุปสรรค
3. หาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในการ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา
ด้วยตนเอง
4. ให้ผู้ป่วยฝึกวางแผนการบริโภคอาหารที่เหมาะสมจากปัญหาที่พบด้วยตนเอง
5. กำหนดเป้าหมายการควบคุม
ครั้งที่ 3
1. ติดตามและประเมินผลร่วมกับผู้ป่วย จากผลตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting blood sugar: FBS) หลังการทดลอง
2. พูดคุยถึงปัญหา อุปสรรค และแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคุมอาหารแบบยั่งยืน
ผลการวิจัย
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยของค่าระดับน้ำตาลในเลือด(Fasting blood sugar: FBS) ก่อนการทดลอง เท่ากับ 230.71 mg/dl หลังการทดลองมีค่าระดับน้ำตาลในเลือด(Fasting blood sugar: FBS) ลดลง เป็น 197.07 mg/dl เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างทางสถิติพบว่า หลังการทดลองมีค่าระดับน้ำตาลในเลือด(Fasting blood sugar: FBS) ลดลงกว่าก่อนการทดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
สื่อการสอน 1 |
สื่อการสอน 2 |
สื่อการสอน 3 |
สื่อการสอน 4 |
โดย นางสาวสุกัญญา ขยันทำ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น