วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประสิทธิผลของเทคนิคการให้คำปรึกษาเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะรายต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตเรื้อรังระยะ 3


ประสิทธิผลของเทคนิคการให้คำปรึกษาเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะรายต่อการควบคุม
ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่  2 ที่มีภาวะไตเรื้อรังระยะ  3 
ที่เข้ารับการรักษาที่คลินิกชะลอไตเสื่อมโรงพยาบาลเสนางคนิคม
 
 
 
 
 
                  การวิจัยครั้งเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง  เพื่อพัฒนาและศึกษาประสิทธิผลของเทคนิคการให้คำปรึกษาเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะราย ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่  2  ที่มีภาวะไตเรื้อรังระยะ  3  กลุ่มตัวอย่างคือ  ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า  เป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่  2  ร่วมกับมีภาวะไตเรื้อรังระยะ  3  ที่มีผลระดับน้ำตาลในเลือด FPG  มากกว่า  150  มิลลิกรัมเดซิลิตร และได้รับการรักษาโดยวิธีการกินยา  ที่คลินิกชะลอไตเสื่อม ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560  โรงพยาบาลเสนางคนิคม  อำเภอเสนางคนิคม  จังหวัดอำนาจเจริญ  จำนวน  17 ราย ได้รับคำปรึกษาแบบเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะรายบุคคล  นาน 5-10 นาที อย่างต่อเนื่อง จำนวน  4 ครั้งใน 6 เดือน มีการเก็บข้อมูลด้วยแบบบันทึกการสัมภาษณ์  ตามแนวทางปฏิบัติการให้คำแนะนำเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจในผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ( Motivation  Interviewingin NCDS) โดยการสนทนาให้คำปรึกษาแบบสั้น ( MI for NCD ) (อ้างในการวิจัยในโครงการพัฒนาระบบการให้คำปรึกษาแบบสร้างแรงจูงใจ ,เทิดศักดิ์ เดชคง , 2560) 
 
                 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา  ได้แก่  ความถี่  ร้อยละ  ค่าเฉลี่ย  และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่  Paired-Simple  t-test   ผลการวิจัยพบว่า  กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง  ร้อยละ 70.59  ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 60-69 ปี ร้อยละ 58.83 อายุที่น้อยที่สุด 59 ปี อายุมากที่สุด 77 ปี อายุเฉลี่ย 67.71 ปี ทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ  ระดับการศึกษา  ส่วนใหญ่จบประถมศึกษา  ร้อยละ 70.59 ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม  ร้อยละ  47.06 มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท  ร้อยละ 70.59  และรายได้ส่วนใหญ่พอเพียงกับการดำรงชีวิตไม่มีเหลือเก็บ  ส่วนใหญ่ใช้สิทธิ์การรักษาบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า(สูงอายุ)  ร้อยละ  64.71 ระยะเวลาในการเป็นโรคเบาหวานมากที่สุดอยู่ในช่วง  11-15 ปี  สูงสุดนาน 16 ปี  ต่ำสุด 3 ปี  เฉลี่ย 11.82  ปี  จากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยการควบคุมอาหาร  ร้อยละ  70.59  ผู้ป่วยที่ได้รับการให้คำปรึกษาเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะราย มีค่าเฉลี่ยของระดับน้ำตาลในเลือด FPG  ต่ำกว่าก่อนให้คำปรึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่  ระดับ 0.05(P<0.05)  พบว่าผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด FPG  ต่ำกว่า  130  มิลลิกรัมเดซิลิตร  ในวันที่มาบริการครั้งที่ 2   ร้อยละ  82.35  ครั้งที่  3 ร้อยละ  88.23  ดังนั้นควรนำเทคนิคการให้คำปรึกษาแบบเสริมสร้างแรงจูงใจเฉพาะรายบุคคล ไปใช้ส่งเสริมพฤติกรรมควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 










 
 
 
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หน้าเว็บ

javascript:;

ค้นหาบล็อกนี้

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

HA National Forum ครั้งที่ 24

 งานประชุมวิชาการ HA National Forum ครั้งที่ 24 มีประเด็นสำคัญ คือ การใช้แนวคิด "Growth Mindset for Better Healthcare System" มากร...

คลังบทความของบล็อก

Recent Posts

Unordered List

Theme Support